กลับมาพบกับรีวิว Gadget จาก ทีม Sanook Hitech อีกครั้งในรอบนี้ขอพบกับ Smart Watch ที่เรียกได้ว่าตัวจริงที่สุดของ OPPO อย่าง OPPO Watch มาพร้อมกับ WearOS รุ่นใหม่ล่าสุด กับราคาไม่แพงเกินไปนัก แต่มันน่าใช้จริงไหม เรามาดูกันกับรีวิวของตัวนี้ดีกว่า
แกะกล่อง OPPO Watch
ภายในกล่อง OPPO Watch มีให้เลือกดังนี้
ตัวเครื่อง OPPO Watch
สายชาร์จไฟ VOOC Charging
คู่มือ / ใบรับประกัน
รูปลักษณ์ดีไซน์ของ OPPO Watch
OPPO Watch จะมีการออกแบบด้วยกระจกโค้งมน เปลี่ยนสี่เหลี่ยม ที่มีชื่อการออกแบบว่า Flexible Dual Curved Display หน้าจอเป็นแบบ AMOLED ให้สีสันที่คมชุด เพียงแต่ว่า OPPO Watch มีให้เลือก 2 ขนาดคือ 1.6 นิ้วกับขนาด 41 มิลลิเมตร และ 1.91 นิ้ว กับขนาด 46 มิลลิเมตร และคล้ายกับ Apple Watch
รอบตัวเครื่องทำจากวัสดุอะลูมิเนียมเกรดดีใช้ได้ พร้อมกับแบ่งออกเป็น ฝั่ง มามาพร้อมกับฝั่งซ้ายเป็นลำโพง, ฝั่งขวาเป็นปุ่มกดโดยปุ่มบนจะเป็นการเข้าเมนู และ Back ย้อนกลับ ปุ่มล่างจะเป็นปุ่มสำหรับ กดกลับหน้าหลัก และกดค้างเป็นปุ่มสำหรับ เปิด / ปิด แยกความแตกต่างได้ที่สี สี Rose Gold จะดูหรูหรา และสีดำจะดูเข้ม
ด้านตัวสายเป็นแบบเรซินที่สามารถถอดได้โดยต้องกดปุ่มจากด้านล่าง แต่ว่าสายไม่สามารถใช้กับ Smart Watch อื่นได้ ทาง OPPO เองแก้ปัญหาโดยการออกสายมาหลายๆ แบบให้เลือกตั้งแต่สายเรซิน ยันไปถึงโลหะที่ใส่ง่ายมากขึ้น
ใต้สุดจะมีระบบวัดชีพจร สามารถวัดได้และมีขั้วสำหรับชาร์จไฟ และปุ่มเปลี่ยนสายจะอยู่ข้างล่าง เบื้องต้นต้องออกแรงกดเล็กน้อยถึงจะถอดสายออกได้
ภาพรวมเมื่อได้สวมใส่ OPPO Watch
เมื่อลองสวมใส่แล้ว เป็น Smart Watch ที่คุ้มค่าไม่เบาเลยครับ เพราะการออกแบบดูแพงและมีรายละเอียดที่เน้นรายละเอียดที่สวยงาม และดูแตกต่างไม่เหมือนใคร เพียงแต่การใส่นั้นยากมากต้องคว่ำหน้าปัดลงพื้นแล้วค่อยรัด แต่ตรงกันข้ามกลับถอดออกได้ง่ายมากครับ และตัวเรือนกันน้ำในระดับ 5ATM แต่ถ้าจะลงน้ำแนะนำให้เปิด Aqua Mode นะ
สวมใส่และลองใช้ฟีเจอร์ของ OPPO Watch
สำหรับ OPPO Watch เลือกใช้ระบบ WearOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการของ Smart Watch จากทาง Google มีพร้อมกับจุดเด่นในส่วนของ การสั่งงานใช้การ Touch Screen ได้แก่
ภาพ 1 (ซ้ายบน) ปัดซ้าย เป็น Google Assistant
ภาพ 2 (ขวาบน) ปัดขวา Tiles เลือกใส่เพิ่มเข้าไปได้
ภาพ 3 (ซ้ายล่าง) ปัดบนลงล่างเป็น Quick แจ้งเตือน
ภาพ 4 (ขวาล่าง) ปัดล่างขึ้นบน เป็นการแจ้งเตือน
การกดปุ่มขวาบนจะมาพร้อมกับ เมนูที่เป็นการปัดขึ้นและลงและกดเข้าไป ซึ่งการโหลด Apps เพิ่มของ WearOS ต้องกดที่ Google Play Store ในเครื่องหรือจากโปรแกรมบนมือถือ
การเชื่อมต่อกับมือถือ
การเชื่อมต่อกับมือถือนั้น เบื้องต้นมี 2 โปรแกรมคือ Wear OS ตัวแรกนี้ใช้สำหรับการ Pairing เปลี่ยนหน้าปัด การตั้งค่าเบื้องต้น และบอกปริมาณ แบตเตอรี่
อีกโปรแกรมคือ HeyTab Health จะมีฟีเจอร์ในเรื่องของการออกำลังกายได้ด้วยและยังมีให้เลือกทั้งการเปลี่ยนหน้าปัด โดยส่วนนี้สามารถเปิดกล้องแล้วดูการแต่งกายของเราเพื่อเปลี่ยนหน้าปัดที่เหมาะสม, การแจ้งเตือนเลือกโปรแกรมแจ้งเตือนได้ และการออกกำลังกานผ่านการตั้งค่า เช่นเราสามารถดูการเผาผลานม กำหนดกาวเดิน, เตือนให้ลุก, และเตือนว่า Heart Rate สูงไปหรือไม่ผ่านการกำหนด เช่น การออกกำลังกายเท่าไหร่ถึง Heart Rate สูงไป หรือ นั่งเฉยๆ Heart Rate เท่าไหร่ถึงสูงเกินไป
โหมดการออกกำลังกาย
OPPO Watch มาพร้อมกับลูกเล่นในการออกกำลังกายผ่าน HeyTab 5 โหมดทั้ง Fitness Run, Fat Burn Run, Outdoor Walk, Outdoor Cycling และ ว่ายน้ำ แถมยังมีการวัดได้แม่นยำด้วยเซนเซอร์ 5 อย่างรวมถึงการวัดการนอนได้ด้วย นอกจากนี้ตัวเครื่องกันน้ำได้ สูงสุด 50 เมตรสำหรับรุ่น 46 มม. และ 41 มม.
เพียงแต่ว่า Smart Watch จาก WearOS จะมีโปรแกรม Google Fit มาให้ใช้งานด้วย ทำให้โปรแกรมออกกำลังกายมาครบเครื่องและมีให้เลือกมาถึง 40 รูปแบบแถมยังสามารถใช้จับ GPS ได้สำหรับกลางแจ้ง
แบตเตอรี่ / ระบบการชาร์จไฟ
สำหรับแบตเตอรี่ของ OPPO Watch ยังคงสามารถใช้งานได้นานสุดที่ 1 วันครึ่ง แต่ถ้ามีการออกกำลังกายที่มีการจับสัญญาณ GPS จะสังเกตว่า แบตเตอรี่หมดค่อนข้างเร็วเหมือนกัน แต่ว่าถ้าเปิด Power Save Mode จะสามารถใช้งานได้นานสุด 14 – 16 วันโดยตามขนาดของตัวนาฬิกา
ส่วนระบบชาร์จไฟของ OPPO Watch มาพร้อมกับจุดเด่นในเรื่องของ ที่ชาร์จรองรับ VOOC Watch ชาร์จไฟในเวลา 75 นาที ก็เต็มแล้ว ถือว่าแก้ไขปัญหาเรื่อแบตฯ หมดเร็วได้ดี แต่ว่า ที่ชาร์จยังคงเป็นแบบเฉพาะ ซึ่งดูแล้วไม่เหมาะเท่าไหร่ และไม่รองรับ Wireless Charging อีกด้วย
สรุปหลังจากทีม Sanook Hitech ได้ทดลองใช้งาน OPPO Watch มาสักระยะเวลาหนึ่ง
OPPO Watch เป็นอีก Smart Watch เป็นอีกความท้าทายหนึ่งของ OPPO จะมาพร้อมกับ WearOS รุ่นใหม่และใช้งานได้ดีพร้อมกับดีไซน์สวย และยังมีฟีเจอร์ครบเครื่องเหมือนกันครับ อย่างไรก็ตาม เรื่องแบตเตอรี่เป็นจุดด้อย เพราะหมดไวไปหน่อย แต่ฟีเจอร์การออกกำลังกายและการแจ้งเตือนครบเครื่องเลยครับ
สำหรับราคาของ OPPO Watch มีดังนี้
ขนาด 41 มิลลิเมตร ราคา 5,999 บาท
ขนาด 46 มิลลิเมตร ราคา 7,999 บาท
ถือว่าไม่ได้มีราคาแพงมาก แต่ถ้าเมื่อมองทั้งตลาดก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยครับ แต่จริงๆ OPPO Watch ยังคงเป็น Smart Watch ที่เหมาะกับทุกคนแต่ว่าไม่ได้ผูกติดกับ Smart Watch อย่างค่ายผลไม้เกินไป เพียงแต่ แก้ปัญหาเรื่องแบตเตอรี่สักหน่อยก็น่าจะดี
จุดเด่น
ราคาของ OPPO Watch ถือว่าคุ้มค่า
WearOS เป็นระบบปฏิบัติการอัปเกรดและเข้ากับทุก OS
การออกแบบสวยและดูแพง
ฟีเจอร์หน้าปัดมีให้เลือกเยอะ และเปลี่ยนตามการแต่งตัวได้
ระบบชาร์จไฟเร็วมาก
มีสีชมพูและขนาดหลากหลายให้เลือก
หน้าปัดสวยและสีสันตรง
ข้อสังเกต
แบตเตอรี่ใช้งานให้ตายยังไงก็ไม่เกิน 2 วัน
โปรแกรมออกกำลังกายใน HeyTab น้อยมาก
ที่ชาร์จเป็นแบบเฉพาะ
สายนาฬิกายังไม่สามารถใช้ร่วมกับใครไม่ได้เลย